; ฟอร์ด จับมือ โฟล์กสวาเกน เดินหน้าพัฒนารถไร้คนขับและรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
18/7/2562

ฟอร์ด จับมือ โฟล์กสวาเกน เดินหน้าพัฒนารถไร้คนขับและรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และโฟล์กสวาเกน กรุ๊ป ประกาศขยายความร่วมมือเป็นพันธมิตรระดับโลกในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และจะร่วมกับอาร์โก เอไอ เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีรถไร้คนขับในสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อให้ทั้งสองบริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


  • โฟล์กสวาเกนจะร่วมลงทุนกับฟอร์ดใน อาร์โก เอไอ บริษัทแพลตฟอร์มเทคโนโลยีรถไร้คนขับ มูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทนำระบบขับขี่อัตโนมัติของอาร์โก เอไอ ไปติดตั้งในรถยนต์ของแต่ละแบรนด์ได้อย่างอิสระที่จะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญในระดับโลก  
  • ฟอร์ดจะใช้การออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และโมดูลรถไฟฟ้า MEB ของโฟล์กสวาเกน ในการออกแบบและผลิตรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่างน้อย 1 รุ่นเพื่อลูกค้าในตลาดยุโรป ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป เพื่อส่งมอบรถยนต์ที่เปี่ยมคุณภาพตามความมุ่งมั่นของบริษัท และใช้ประโยชน์จากการผลิตของโฟล์กสวาเกนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฟอร์ดและโฟล์กสวาเกนยังคงเดินหน้าพัฒนารถตู้เชิงพาณิชย์และรถกระบะขนาดกลางให้กับทั้งสองแบรนด์ ในหลายๆ ตลาด ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยร่วมกันลงทุนในการพัฒนา เพื่อเสริมการผนึกกำลังอย่างมีนัยยะสำคัญ
  • ความร่วมมือระดับโลกระหว่างโฟล์กสวาเกนและฟอร์ด โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นของทั้งสองบริษัทแต่อย่างใด จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของทั้งสองบริษัทในแต่ละปีได้



ดร. เฮอร์เบิร์ท ไดส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โฟล์กสวาเกน และ มร. จิม แฮคเก็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี พร้อมด้วย มร. ไบรอัน เซลสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์โก เอไอ ประกาศว่า โฟล์กสวาเกนจะร่วมกับฟอร์ดในการลงทุนกับอาร์โก เอไอ บริษัทแพลตฟอร์มเทคโนโลยีรถไร้คนขับ

จากความร่วมมือระหว่างฟอร์ดและโฟล์กสวาเกน ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (SDS) ของอาร์โก เอไอ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกตลาดยุโรปและอเมริกา นอกจากนั้น แพลตฟอร์มของอาร์โก เอไอ ที่สามารถเข้าถึงตลาดผ่านเครือข่ายทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์ ยังมีศักยภาพในการขยายเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางที่สุดในปัจจุบัน โฟล์กสวาเกน และฟอร์ดต่างก็จะนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าวมาใช้กับรถที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการนำร่องการขนย้ายคนและสินค้าของทั้งสองบริษัท

สิ่งที่อาร์โก เอไอให้ความสำคัญยังคงเป็นการนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ SAE Level 4-capable ไปประยุกต์ใช้กับรถเพื่อการแบ่งปันการใช้บริการ (ride sharing) และบริการส่งของในพื้นที่ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น

ฟอร์ด และโฟล์กสวาเกนจะถือหุ้นจำนวนเท่ากันในอาร์โก เอไอ และทั้งสองจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด สัดส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เป็นกองทุนสำหรับค่าตอบแทนพนักงานของอาร์โก เอไอ โดยความตกลงครั้งนี้จะสมบูรณ์เมื่อได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบและเงื่อนไขตามข้อตกลง

“ในขณะที่ฟอร์ด และโฟล์กสวาเกนยังคงดำเนินกิจการอย่างอิสระจากกัน และแข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาด การร่วมมือกับอาร์โก เอไอเพื่อใช้เทคโนโลยีที่สำคัญนี้ ทำให้เรามีความได้เปรียบในด้านขีดความสามารถ ระดับการเข้าถึงครอบคลุมในทุกพื้นที่” มร. แฮคเก็ต กล่าว “การหันมาทำงานร่วมกันในหลายๆ ด้านทำให้เราสามารถแสดงพลังของความร่วมมือระดับโลกในยุคแห่งยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อโลกอัจฉริยะ”

บรรดาผู้นำได้ประกาศว่าฟอร์ดจะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ได้ใช้การออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และโมดูลรถยนต์ไฟฟ้า (Modular Electric Toolkit  หรือ MEB) ของโฟล์กสวาเกน เพื่อส่งมอบรถไร้มลพิษในปริมาณมากให้กับตลาดยุโรป ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

ฟอร์ดตั้งเป้าที่จะส่งรถไปจำหน่ายในยุโรปกว่า 600,000 คัน ที่ใช้โมดูลรถยนต์ไฟฟ้าในระยะเวลา 6 ปี พร้อมกับรถฟอร์ดรุ่นใหม่รุ่นที่สองสำหรับลูกค้ายุโรปที่อยู่ในระหว่างการตัดสินใจ การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ตลาดยุโรปของฟอร์ดคือการใช้จุดแข็งของฟอร์ด ที่มีทั้งรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รถครอสโอเวอร์ และรถนำเข้าระดับตำนานอย่าง มัสแตง และ เอ็กซ์พลอเรอร์



ฟอร์ดจะใช้โมดูลรถยนต์ไฟฟ้า MEB ของโฟล์กสวาเกนในรถยนต์ 600,000 คัน

ฟอร์ดวางแผนในการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ผลิตบนโมดูลรถยนต์ไฟฟ้า MEB ซึ่งจะเริ่มนำส่งมอบในปี  2566 ที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โดยมีโฟล์กสวาเกนเป็นผู้ผลิตจัดหาชิ้นส่วนและส่วนประกอบโมดูลดังกล่าว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือ

นอกจากนี้ ทั้งฟอร์ดและโฟล์กสวาเกนจะเดินหน้ามุ่งเป้าไปยังความร่วมมือด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายทางกลยุทธ์สำคัญของทั้งคู่ ขณะที่ทั้งสองบริษัทกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่การสัญจรที่ยั่งยืนและมีราคาที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

ข้อตกลงกับฟอร์ดถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของโฟล์กสวาเกน ทั้งในด้านการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และส่งเสริมระดับสากลในการบรรลุผลข้อตกลงปารีส 2050 (Paris 2050 Agreement)


ความร่วมมือในการพัฒนารถตู้ และรถกระบะเพื่อการพาณิชย์

ฟอร์ด และ โฟล์กสวาเกน ยังคงเดินหน้าร่วมมือพัฒนารถตู้และรถกระบะขนาดกลางเพื่อการพาณิชย์ในตลาดสำคัญทั่วโลกตามที่ได้ประกาศไว้ ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทั้งสองบริษัท

ฟอร์ดจะออกแบบทางวิศวกรรม พัฒนา และผลิตรถกระบะขนาดกลางให้กับทั้งสองบริษัทตามที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ สำหรับลูกค้าในยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย แปซิฟิค และอเมริกาใต้ โดยคาดว่าจะออกสู่ตลาดได้เร็วที่สุดในปี 2565

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมีความตั้งใจที่จะออกแบบ พัฒนาและผลิตรถตู้เพื่อการพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับลูกค้าในตลาดยุโรป เริ่มตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ส่วนโฟล์กสวาเกนก็มุ่งมั่นในการพัฒนารถตู้ขนาดเล็กสำหรับขับขี่ในเมือง ในตลาดยุโรป และตลาดอื่น

โฟล์กสวาเกนและฟอร์ดมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจในตลาดรถตู้ และรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ ที่ส่งเสริมซึ่งกันแลกันในหลายตลาดทั่วโลก โดยมีรถรุ่นยอดนิยมอย่าง ฟอร์ด ทรานซิท และฟอร์ด เรนเจอร์ เช่นเดียวกับโฟล์กสวาเกนที่มี ทรานสปอร์เตอร์ แคดดี้ และอมาร็อค

ทั้งสองบริษัทคาดการณ์ว่า ความต้องการรถกระบะขนาดกลางและรถตู้เพื่อการพาณิชย์จะเติบโตขึ้นทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ความร่วมมือในตลาดรถสำคัญทั้งสองนี้จะทำให้ลูกค้าของทั้งสองบริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำสมัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถใช้กำลังการผลิตของโรงงานผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

สอบถามเพิ่มเติม

  • แชร์เฟสบุ๊ค